เคล็ด(ไม่)ลับ เทคนิคในการเลือกซื้อเสื้อผ้า ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

การเลือกซื้อเสื้อผ้ามีความสำคัญในทุกมิติ โดยเฉพาะในการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่เข้ากับโอกาสและการใช้งานของเรา ซึ่งในปัจจุบัน เริ่มมีการหันมาสวมใส่เสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงแค่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่คุณภาพของเสื้อผ้าก็สูงมากเช่นเดียวกัน เพราะทำมาจากเส้นใยธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายและไม่ก่อให้เกิดขยะที่อาจจะสร้างมลพิษต่อโลกอีกด้วย

โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำและบอกต่อเทคนิคการแต่งตัว ควรที่จะเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เข้ากับรูปร่างของตัวเอง รวมถึงพามาทำความรู้จักกับ Slow Fashion เทรนด์ในการเลือกเสื้อผ้าที่เน้นให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเส้นใยชนิดต่าง ๆ ที่นำมาผลิตเสื้อผ้า เพื่อจะทำให้เสื้อผ้าและการแต่งตัวของเรามีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น

วิธีการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้เข้ากับไลฟ์สไตล์

ในการเลือกซื้อเสื้อผ้าเพื่อแต่งตัวให้เข้ากับความต้องการและรูปร่างเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะเทคนิคการเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมนั้นสามารถสร้างความดูดี ความเป็นระเบียบ และความเรียบร้อย ซึ่งแม้ว่าอาจจะเลือกชุดเดียวกัน แต่ต่างกันที่คนใส่ ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกหรือความสวยงามที่เหมือนกัน

ดังนั้นแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าคนส่วนใหญ่ควรเลือกเสื้อผ้าแบบไหนหรือมีวิธีเลือกเสื้อซื้อเสื้อผ้าอย่างไรบ้าง เพื่อให้การแต่งตัวของเรานั้นออกมาเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด

1. เลือกสีเสื้อผ้าตามโทนผิว

เสื้อผ้าที่เข้ากันกับโทนสีผิวจะช่วยให้คุณดูดีและสดใสขึ้นมาได้ สำหรับคนที่มีผิวขาวหรือผิวเหลือง เราควรจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนหรือสีสดใส เช่น สีฟ้า, สีชมพู, หรือสีเขียวมิ้นต์เพื่อให้คุณดูสดใสและเป็นธรรมชาติ

ส่วนคนที่มีโทนสีผิวคล้ำหรือผิวเข้ม ส่วนใหญ่ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ควรมีโทนสีเข้มหรือสีที่มีความอบอุ่นเป็นหลัก เช่น สีน้ำตาล, สีม่วง, หรือสีแดง จะทำให้สีผิวดูสว่างและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยอาจจะต้องหลีกเลี่ยงสวมใส่เสื้อผ้าสีขาว

2. เลือกเสื้อผ้าที่มีความเหมาะสมกับรูปร่าง

ในการเลือกเสื้อผ้าตามรูปร่างใช้หลักการ ที่จะเน้นจุดเด่นและซ่อนจุดด้อยของร่างกาย ตัวอย่างเช่น หากคุณมีรูปร่างเพรียวและสูง ควรเลือกสวมใส่เสื้อที่เน้นลายหรือดีเทลเพื่อเพิ่มมิติให้ดูมีสัดส่วนได้ อย่างเสื้อผ้าที่มีรอยจีบหรือรูปแบบตัดเย็บที่น่าสนใจเป็นต้น

ส่วนคนที่มีรูปร่างอวบ ส่วนใหญ่ควรเลือกเสื้อผ้าตามทรงที่หลวมเพื่อปกปิดจุดที่ไม่มั่นใจ และอาจจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าที่เบาและโปร่ง เช่น ผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย ซึ่งจะช่วยให้ดูไม่ตันและสบายตัวนั่นเอง

3. เลือกเสื้อตามสไตล์เสริมบุคลิก

การเลือกสไตล์การแต่งตัวด้วยเทคนิคการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมสามารถช่วยเสริมบุคลิกและทำให้คุณดูดีขึ้น โดยการเลือกสไตล์การแต่งตัวที่สะท้อนถึงลักษณะและบุคลิกเป็นสิ่งสำคัญ เช่น

  • Classic – Minimal สไตล์

เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่ายเน้นเสื้อผ้าเช่น เลือกเสื้อเชิ้ตขาว หรือการเลือกเสื้อผ้าให้มีความเรียบง่ายควรมี สีพื้น และการตัดเย็บที่สะอาด ที่จะช่วยให้คุณดูเป็นคนที่สะอาด ทันสมัย มั่นใจ และจะดูเรียบหรูโดยไม่ต้องพยายามมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย มีรสนิยมดี และไม่ชอบสิ่งที่ซับซ้อน

  • Street สไตล์

สตรีทแฟชั่น (Street fashion) สะท้อนถึงความเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะแตกต่าง อาจจะใช้การเลือกเสื้อผ้าที่มีลายกราฟิกหรือลายที่จะทำให้ใส่ได้โดดเด่น เช่น เสื้อยืดลายกราฟิก แจ็คเก็ตยีนส์ หรือเสื้อฮู้ด มีการใช้สีที่คอนทราสต์สูง เช่น ดำ, ขาว, แดง หรือสีสดใสเกินไป เสริมบุคลิกช่วยให้จะดูเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ไม่เรื่องมาก และมีความสบายตัวในทุกกิจกรรม

  • Casual สไตล์

Casual Style เป็นสไตล์การแต่งตัวที่เน้นความสะดวกสบายและเป็นกันเอง โดยไม่ต้องการความทางการหรือแบบที่พิถีพิถันมาก เสื้อผ้าที่ใช้มักจะเป็นเสื้อยืด หรือเสื้อเชิ้ต เน้นความเรียบง่ายและเคลื่อนไหวสะดวกอาจจะเหมาะกับคนที่มีบุคลิกสบายๆ ชอบความเป็นธรรมชาติและไม่ชอบแต่งตัวแบบที่ซับซ้อนมากจนเกินไป

  • Sporty สไตล์

เป็นอีกหนึ่งไสตล์การแต่งตัวที่เรามักจะนิยมแต่งกันมากในปัจจุบัน โดยเน้นไปที่การแต่งตัวที่ให้ความรู้สึกคล่องตัวกระฉับกระเฉง และดูทันสมัย โดยมักจะเน้นไปที่เสื้อผ้าแบรนด์กีฬาชื่อดังเช่น Nike, Adidas, Puma เป็นต้น แนวเสื้อผ้าอาจะเป็นเสื้อผ้ายืดกีฬา เสื้อฮู้ด เสื้อวอร์ม พร้อมกับรองเท้าวิ่งหรือรองเท้ากีฬาเท่ๆ เหมาะกับคนที่ชอบความคล่องตัวมีลุคที่ดูแอคทีฟนั่นเอง

  • Y2K สไตล์

Y2K ย่อมาจาก Year 2000s ซึ่งเป็นสไตล์การแต่งตัวยอดฮิตในอดึตยุคปี 2000 แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นเทรนด์ที่นิยมกันมากขึ้น ด้วยการแต่งตัวเสื้อผ้าในโทนสีสันสดใส และฉูดฉาดโดดเด่น มาพร้อมกับไอเทม (Item) อย่าง กระเป๋า หรือผ้าโพกหัว และอาจจะสวมใส่อุปกรณ์เสริม (Accessories) ร่วมด้วยได้ เช่น สร้อย กิ๊ฟติดผม หรือแว่นตา เป็นต้น

โดยความจุดเด่นของ Y2K สไตล์นี้ที่พบเห็นกันอย่างแพร่หลายคือ การสวมใส่เสื้อครอปเอวลอย พร้อมกับกระโปรง หรือกางเกงเอวต่ำ เพื่อให้เห็นหน้าท้องและสะดือที่สวยงาม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่แต่งตัวไม่ยาก แต่ให้ความน่าสนใจและดูดีเป็นอย่างยิ่ง

4.จับคู่สีและลายให้เข้ากัน

การจับคู่สีและลายเสื้อผ้าให้เหมาะสมจะทำให้ชุดของคุณดูมีสไตล์และลงตัวมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าหากคุณเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีลายพิมพ์หรือปักลาย เช่น ลายดอกไม้หรือกราฟิก ควรเลือกสวมใส่ชุดสีพื้นหรือสีเสื้อผ้าที่เข้ากันเพื่อไม่ให้การแต่งตัวดูรกเกินไป ในทางกลับกัน หากคุณเลือกสวมใส่เสื้อที่สีเรียบ ควรเพิ่มลายหรือสีสันในส่วนอื่น ๆ แทน ตัวอย่างเช่น กระเป๋าหรือรองเท้า จะดูดีและโดดเด่นยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การสวมเสื้อผ้าที่มีลวดลาย ควรเลือกใส่เสื้อหรือกางเกงที่มีลวดลายอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรสวมใส่เสื้อและกางเกงที่มีลวดลายพร้อมกันมาจนเกินไป เพื่อความดูดีและและความเหมาะสมสำหรับแต่งตัว

5.เลือกเครื่องประดับ

เครื่องประดับก็เป็นสิ่งที่สามารถเสริมลุคการแต่งตัวของคุณให้ดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ กำไล ต่างหู นาฬิกา หรือแหวน ควรเลือกเครื่องประดับที่เหมาะกับโอกาสและสไตล์การใส่เสื้อผ้าของคุณ

หากคุณต้องการลุคที่เรียบหรู ควรเลือกเครื่องประดับที่ไม่เยอะเกินไป และเทคนิคใช้โทนสีที่กลมกลืนกัน หากอยากได้ลุคที่มีชีวิตชีวาขึ้นมา เราควรเลือกเครื่องประดับที่มีสีสันหรือดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เพื่อเพิ่มความน่าสนใจขั้นมาให้มากขึ้น

การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับโอกาส

นอกจากที่เราจะต้องเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์และความเข้ากันได้ของแต่ละบุคคลแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราจะไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดคือ การเลือกเสื้อที่มีความเหมาะสมกับแต่ละโอกาสมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะมีทั้งแบบที่ต้องการความเป็นทางการ กึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ หรือก็คือแต่งตัวในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างเช่นหากคุณจะต้อง แต่งตัวเป็นแบบทางการ ควรเลือกใส่เสื้อโทนสีสุภาพ ไม่ควรรัดรูปจนเกินไป เพื่อให้เกียรติงานและสถานที่ที่เราจะไป และอาจจะเลือกเครื่องประดับที่เข้ากันกับการแต่งตัวของเรา ไม่ควรเยอะหรือโดดเด่นจนเกินไป

เปลี่ยนสไตล์ด้วย Slow Fashion ใส่ซ้ำยังไงให้ดูดีและไม่น่าเบื่อ

นอกจากเทคนิคการเลือกเสื้อที่เหมาะสมกับตัวเองและโอกาสต่าง ๆ แล้ว จะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ต่อต้านแนวคิดเกี่ยวกับเสื้อผ้า Fast Fashion ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้านี้จะต้องกำจัดขยะให้กับสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Slow Fashion ออกมาขัดแย้งหรือเป็นคู่ตรงข้ามของเสื้อผ้า Fast Fashion นั่นเอง

Slow Fashion เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านวัฒนธรรมเสื้อผ้า Fast Fashion ขึ้นมาซึ่งเน้นผลิตเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ แต่กลับกัน เสื้อผ้า Fast Fashion เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของขยะที่ย่อยสลายยาก จนไปถึงมลพิษที่กระทบต่อชั้นบรรยากาศของโลก

จึงทำให้เกิดเป็นแนวคิดเสื้อผ้า Slow Fashion ขึ้นมา เพื่อเป็นการสนับสนุนว่าด้วยที่เราควรมีวิธีจะเลือกเสื้อที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการผลิตเสื้อผ้ามากยิ่งขึ้น เช่น ฝ้ายออแกนิกและวัสดุรีไซเคิลได้ต่าง ๆ รวมถึงกระบวนการผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อแรงงาน ไม่สร้างมลพิษ โดยคำนึงถึงสุขภาพของผู้ผลิตเสื้อผ้าและสภาพแวดล้อมเป็นหลัก

เส้นใย

แนวคิดแบบ Slow Fashion คือแนวคิดที่ปฏิเสธเสื้อผ้าหรือกางเกงที่ทำมาจากเส้นใยจำพวกขนสัตว์ หรือเส้นใยสังเคราะห์ (Polyester) โดยเลือกเส้นใยแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทนอย่าง เส้นใยลินิน, กัญชง หรือฝ้ายธรรมชาติ 100% (Organic Cotton) เป็นต้น 

คุณภาพ

การเลือกเสื้อผ้าให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราควรเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีส่วนที่แข็งแรง ทนทาน และมีอายุใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งสามารถใช้ได้หลายครั้ง และเสื้อผ้าไม่เสียหายง่ายหลังใช้งาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่บ่อยครั้งและช่วยลดขยะที่เกิดจากเสื้อผ้าไม่ใช้แล้วได้อีกด้วย

สิ่งแวดล้อม

ในส่วนนี้ เป็นส่วนที่มองถึงขั้นตอนและกระบวนการผลิตเสื้อผ้าจากโรงงาน โดยการซื้อเสื้อผ้าควรดูว่าโรงงานผลิตมีกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยแค่ไหน ทั้งเป็นการหมุนเวียนวัสดุที่เราอาจจะใช้ผลิต หรือการสร้างมลพิษ เป็นต้น

ผ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การเลือกเสื้อผ้าที่มีผลิตจากเส้นใยที่ใช้ผลิตเป็นสิ่งที่ควรเข้าใจและจะต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะวัสดุการผลิตเสื้อผ้าแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน บางชนิดเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และบางชนิดย่อยสลายง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังเส้นใยดังต่อไปนี้

ผ้าฝ้ายออแกนิค (Organic Cotton)

เส้นใยฝ้ายออแกนิคเป็นผลผลิตที่ได้จากระบบเกษตรอินทรีย์ ที่ควบคุมการปลูกทุกขั้นตอน เพื่อให้ผ้าฝ้ายไม่ปนเปื้อนสารเคมีหรือวัตถุสังเคราะห์ จึงทำให้เส้นใยฝ้ายออแกนิคได้รับมาตรฐานระดับสากล ผ้าเหล่านี้และถูกยอมรับว่าเป็นเส้นใยที่มีคุณภาพสูงอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ได้มีสารเคมีตกค้างในผ้าเหล่านี้อีกด้วย

กัญชง

เส้นใยกัญชงเป็นวัสดุที่จะสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ มีส่วนสำคัญในการที่เราช่วยลดปริมาณขยะในระบบนิเวศ ซึ่งเส้นใยกัญชงมีคุณสมบัติที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีการเติบโตที่รวดเร็วที่เราไม่ได้ต้องการสารเคมีในการผลิต จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับผลิตเสื้อผ้า

ผ้าลินิน (Linen Fabric)

เส้นใยลินินทำมาจากลำต้นของต้นแฟลกซ์ (Flax) ที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในทวีปยุโรป โดยเฉพาะรัสเซีย และเบลเยี่ยม เป็นต้น ซึ่งเส้นใยลินินสามารถย่อยสลายได้ง่ายนี้จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคุณสมบัติของเส้นใยลินินคือความเหนียวและความทนทาน อีกทั้งยังสวมใส่สบายและระบายความร้อนได้ดีอีกด้วย

บทสรุป

เราจะเห็นได้ว่าการซื้อเสื้อผ้าที่ให้เหมาะสมกับตัวเองและการใช้งานของเรา โดยเฉพาะเสื้อหรือกางเกงที่ที่จะเลือกซื้อทำจากวัสดุที่ไม่ได้ส่งผลในการทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยปกป้องและดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อจะทำให้สังคมที่ยั่งยืนและน่าอยู่มากขึ้น

โดยเสื้อผ้าที่ควรที่จะสวมใส่ในโอกาสต่าง ๆ นั้น นอกจากที่จะมีความเหมาะสมกับแนวการแต่งตัวของเราแล้ว ควรจะเป็นชุดที่เราชอบและเราจะต้องใส่ได้บ่อย เพราะจะทำให้ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการสวมใส่ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อที่เป็นสีพื้น เสื้อที่มีลวดลายต่าง ๆ กางเกงที่มีลวดลาย หรือกางเกงยีนส์

SMART UNIFORM รับผลิตเสื้อผ้าจากวัสดุที่ได้รับคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีมาตรฐานสากลของเรา สามารถผลิตเครื่องนุ่งห่มได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโปโลเสื้อเชิ้ตชุดยูนิฟอร์ม หรือหมวกแบบต่าง ๆ โดยทางเรามีบริการที่เราจะให้คำแนะนำที่ครบครัน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ของเราหรืออาจจะติดต่อที่เบอร์ 02-415-7195 ตามความสะดวก